head prakardsod






























































ผู้เขียน หัวข้อ: งานมอเตอร์โชว์: รถยนต์ไฟฟ้าที่สามารถวิ่งได้ระยะทางไกลที่สุด  (อ่าน 129 ครั้ง)

siritidaphon

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 235
  • ผู้ผลิตขายส่ง โพสฟรี SEO
    • ดูรายละเอียด
งานมอเตอร์โชว์: รถยนต์ไฟฟ้าที่สามารถวิ่งได้ระยะทางไกลที่สุด

รถยนต์ไฟฟ้าเป็นทางเลือกใหม่! ที่ตอบสนองการใช้งานที่ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง รวมถึงการบำรุงรักษาตามระยะทาง พร้อมกับการได้รถยนต์ที่มีเทคโนโลยีอันโดดเด่นทันสมัย ระบบความปลอดภัยที่ครบครันในราคาที่คุ้มค่าเป็นเจ้าของง่ายขึ้น แต่สิ่งที่ต้องคำนึงถึงมากกว่านั้นคือ เรื่องของ "ระยะทางที่วิ่งได้ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง" ไม่ว่าจะวัดออกมาเป็นหน่วยไหนก็ตาม ในบทความนี้ขอใช้ "NEDC" และ "WLTC" ซึ่งเป็นหน่วยที่หลายรุ่นใช้กันมาเป็นตัวบ่งชี้ระยะทางของรถรุ่นนั้น ๆ
 
นอกจากนี้ระยะทางที่ถือว่าวิ่งได้มาก ๆ ควรอยู่ระดับ 500 กม. ขึ้นไป เพราะเป็นระยะทางที่เมื่องานจริงแล้วจะกำลังเหมาะสมกับในชีวิตประจำวันมากขึ้น โดยทั่วไประยะทางวิ่งจริงจะต้องหักลบออกจากระยะที่โรงงานเคลมไว้ราว ๆ 80 - 100 กม. ขึ้นกับขนาดรถ ขนาดแบตเตอรี่ กำลังมอเตอร์ไฟฟ้า (ทั้งแรงม้าและแรงบิด) และการขับขี่แต่ละบุลคลลแต่ละสภาพถนน และในปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้าที่มีระยะทาง 400 - 500 กม. ต่อการชาร์จนั้นมีหลายรุ่นแล้ว เช่น BYD ATTO3, DOLPHIN, MG4, AION Y, Volvo และ ORA GOODCAT ฯลฯ  หากเป็นรถไฟฟ้าที่วิ่งระยะทาง 500 กม. ต่อการชาร์จขึ้นไปนั้น ยิ่งน่าสนใจและใช้งานได้สะดวกสบายมากขึ้นไปอีก คัดมาเน้น ๆ ให้ชมกันครับ
 
Audi Q8 e-tron 50 Quattro ระยะทางที่ทำได้ 530 กม. (NEDC) ราคา 4,699,000 บาท
 
Audi Q8 e-tron 50 Quattro รถไฟฟ้าแรงขับสนุกพร้อม Performance เต็มคัน มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตำแหน่ง ให้กำลัง 313 แรงม้า และ 340 ใน Boost Mode กับแรงบิดสูงสุด 540 นิวตันเมตร และ แรงบิดสูงสุดใน Boost Mode 664 นิวตันเมตร ความจุแบตเตอรี่ 95 กิโลวัตต์ชั่วโมง วิ่งได้ระยะทางสูงสุด 530 กิโลเมตรต่อชาร์จ (ตามมาตรฐาน NEDC)
 
Rolls-Royce SPECTRE ระยะทางที่ทำได้ 530 กม. (WLTP) ราคา 31,800,000 บาท
 
Rolls-Royce SPECTRE ยนตรกรรม อัลตรา-ลักชัวรี อิเล็กทริค ซูเปอร์คูเป้ 2 มอเตอร์ SSM (Separately Excited Synchronous Motors) ด้านหน้า 190 กิโลวัตต์ / 365 นิวตันเมตร ด้านหลัง 360 กิโลวัตต์ / 710 นิวตันเมตร หรือมีสมรรถนะใกล้เคียงกับรถที่ใช้เครื่องยนต์สันดาป พละกำลัง 584 แรงม้า แรงบิด 900 นิวตันเมตร ความจุแบตเตอรี่ 102 กิโลวัตต์ชั่วโมง วิ่งได้ระยะทางสูงสุด 530 กิโลเมตรต่อชาร์จ (WLTP)
 
MG4 LONG RANGE V ระยะทางที่ทำได้ 540 กม. (NEDC) ราคา 889,900 บาท

MG4 LONG RANGE V รถยนต์ไไฟ้าขับเคลื่อนล้อหลังที่ขับสนุกอีกหนึ่งคัน การกระจายน้ำหนัก แบบสมมาตร 50:50  ช่วงล่วงด้านหลังอิสระแบบ 5-Link Suspension มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous Motor กำลังสูงสุด 170 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตันเมตร ความจุแบตเตอรี่ 64 กิโลวัตต์ชั่วโมง วิ่งได้ระยะทางสูงสุด 540 กิโลเมตรต่อชาร์จ (ตามมาตรฐาน NEDC)
 
BMW i7 xDrive60 M Sport ระยะทางที่ทำได้ 625 กม. (WLTC) ราคา 8,099,000 บาท
 
BMW i7 xDrive60 M Sport มอเตอร์ไฟฟ้าสองตัว พละกำลังรวม 544 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 745 นิวตันเมตร ผสานกับเกียร์อัตโนมัติและระบบขับเคลื่อนสี่ล้อไฟฟ้า BMW xDrive และเทคโนโลยี BMW eDrive เจเนอเรชั่นที่ 5 แบตเตอรี่แรงดันสูงที่ 105.7 กิโลวัตต์ชั่วโมง วิ่งได้ระยะทางสูงสุด 625  กิโลเมตรต่อชาร์จ (ตามมาตรฐาน WLTC) หรือประมาณ 700 - 740 กิโลเมตรต่อชาร์จ (ตามมาตรฐาน NEDC)
 
ORA 07 Long Range Ultra ระยะทางที่ทำได้ 640 กม. (NEDC) ราคา 1,399,000 บาท

ORA 07 Long Range Ultra รถยนต์ไฟฟ้าสปอร์ตคูเป้สมรรถนะสูง จัดเต็มออปชั่นมาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 150 กิโลวัตต์ หรือ 204 แรงม้า แรงบิดมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 340 นิวตัน-เมตร ความจุแบตเตอรี่ 83.499 kWh วิ่งได้ระยะสูงสุด 640 กิโลเมตรต่อชาร์จ (NEDC Standard)
 
BYD SEAL Premium ระยะทางที่ทำได้ 650 กม. (NEDC) ราคา 1,399,000 บาท
 
BYD SEAL DPremium รถไฟฟ้าพรีเมี่ยมสปอร์ตซีดาน ยอดฮิต โดยในรุ่นนี้มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าคู่หลัง ให้กำลัง 313 แรงม้า (230 กิโลวิตต์) กับแรงบิด 360 นิวตันเมตร  พร้อมแบตเตอรี่ BYD Blade Battery ระบบชารจ AC แบบ Type 2, ระบบชารจ DC แบบ CCS 2(150kW)ความจุแบตเตอรี่ 82.56 กิโลวัตต์ชั่วโมง วิ่งได้ระยะทางสูงสุด 650 กิโลเมตรต่อชาร์จ(ตามมาตรฐาน NEDC)
 
Volvo C40 Twin Motor ระยะทางที่ทำได้ 650 กม. ราคา 2,790,000 บาท
 
Volvo C40 Recharge Pure Electric รุ่น Twin Motor วอลโว่นับเป็นผู้นำรถ EV สัญชาติยุโรปยุคแรก ๆ ในไทย มาพร้อมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ Dual Motor AWD ให้กำลังสูงสุด 408 แรงม้า ที่ 4,350 – 13,900 รอบ/นาที  พร้อมแรงบิด 660 นิวตันเมตร ความจุแบตเตอรี่ 82 กิโลวัตต์ชั่วโมง วิ่งได้ระยะทางสูงสุด 650 กิโลเมตรต่อชาร์จ (NEDC) แบตเตอรี่มีระบบรองรับการชาร์จเร็ว DC Fast Charge สูงสุด 200 kW ชาร์จจาก 0 – 80% ภายใน 28 นาที
 
Kia EV5 Earth Long Range ระยะทางที่ทำได้ 665 กม. (NEDC) ราคา 1,599,000 บาท
 
Kia EV5 Earth Long Range รถยนต์เอสยูวีขนาดกลางอีกรุ่นของเกียราคาเริ่ทต้นเร้าใจสุด ๆ มอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous Motor (PMSM) กำลังสูงสุด 160 กิโลวัตต์ (kW) / 217 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 310 นิวตันเมตร พ่วงด้วยแบตเตอรี่ Lithium-ion ความจุ 88.1 กิโลวัตต์ชั่วโมง วิ่งได้ระยะทางสูงสุด 665 กิโลเมตรต่อชาร์จ (NEDC)
 
Kia EV9 Earth Long Range ระยะทางที่ทำได้ 680 กม. (NEDC) ราคา 3,499,000 บาท

Kia EV9 Earth Long Range รถยนต์เอสยูวีขนาดใหญ่ฟังก์ชั่นสะดวกสบายครยครัน มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous Motor กำลัง 203 แรงม้า  (149.5 กิโลวัตต์) แรงบิด 350 นิวตันเมตร ความจุแบตเตอรี่ 99.8 กิโลวัตต์ชั่วโมง วิ่งได้ระยะทางสูงสุด 680 กิโลเมตรต่อชาร์จ (NEDC)
 
EQS 450+ AMG Premium ระยะทางที่ทำได้ 770 กม. (NEDC) ราคา 8,570,000 บาท
 
EQS 450+ AMG Premium มอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous 1 ตัว พร้อมความจุของแบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาด 107.8 กิโลวัตต์ชั่วโมง ให้กำลังสูงสุด 333 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 568 นิวตันเมตร วิ่งได้ระยะทางสูงสุด 770 กิโลเมตรต่อชาร์จ (WLTP) หรือประมาณ 900 - 970 กิโลเมตรต่อชาร์จ (ตามมาตรฐาน NEDC)
 
ความหลายค่ามาตรฐานระยะทางวิ่งของรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้กันหลัก ๆ มี 2 หน่วยคือ NEDC และ WLTP
 
NEDC (New European Driving Cycle)
มาตรฐานการวัดระยะทางรถยนต์ไฟฟ้าของทางฝั่งยุโรป ซึ่งใช้กันมานานแล้วตั้งแต่ปี 1997 เป็นมาตรฐานที่พัฒนาโดยสหภาพยุโรป (EU) สำหรับรถที่ใช้งานในเมือง และถนนบริเวณชานเมือง เท่านั้น ทำให้ตัวเลขที่ออกมานั้น มีค่าที่สูงกว่าการวิ่งจริงๆ ของรถพอสมควร ซึ่งค่าตัวเลขอาจจะไม่ค่อยแม่นยำมากนัก ปัจจุบันทางฝั่งยุโรปได้เปลี่ยนมาตรฐานการวัดระยะทางมาเป็น WLTP แล้ว เพราะมีตัวเลขมีความแม่นยำมากกว่า แต่ปัจจุบันก็ยังมีรถยนต์ไฟฟ้าหลายๆ ยี่ห้อ ยังคงเลือกมาตรฐาน​ NEDC กันอยู่ เช่น MG, GWM และ NETA ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่จำหน่ายอยู่ในประเทศไทยในขณะนี้ด้วย
 
WLTP (Worldwide Harmonised Light Vehicle Test Procedure)
มาตรฐานที่พัฒนาโดยสหภาพยุโรป ซึ่งเริ่มใช้กันตั้งแต่ปี 2017 เป็นต้นมา ที่เป็นมาตรฐานต่อจาก NEDC ที่มีความแม่นยำมากกว่า หากเทียบกับมาตรฐาน NEDC แล้ว WLTP จะวัดระยะทางได้น้อยกว่าประมาณ 20 – 30% การทดสอบระยะทางนั้นจะทดสอบทั้งสภาวะการวิ่งในเมือง และนอกเมือง ทำให้ได้ระยะทางวิ่งที่ไกล้กับความเป็นจริงมากกว่า โดยรถค่ายยุโรปส่วนใหญ่ก็ใช้มาตรฐานนี้ อาทิเช่น BMW, Audi , Volvo และ Mercedes ซึ่งจะระบุ WLTP กำกับไว้กับตัวเลขระยะทางวิ่งสูงสุด