head prakardsod






























































ผู้เขียน หัวข้อ: บริการด้านอาหาร: กินอย่างไร เมื่อให้เคมีบำบัด  (อ่าน 11 ครั้ง)

siritidaphon

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 239
  • ผู้ผลิตขายส่ง โพสฟรี SEO
    • ดูรายละเอียด
บริการด้านอาหาร: กินอย่างไร เมื่อให้เคมีบำบัด
« เมื่อ: วันที่ 16 พฤศจิกายน 2024, 18:34:44 น. »
บริการด้านอาหาร: กินอย่างไร เมื่อให้เคมีบำบัด

ในเรื่องของการรับประทานอาหาร ถือว่ามีความสำคัญสำหรับทุกคน เพราะสุขภาพร่างกายที่ดีนั้น เริ่มได้จากการรับประทานอาหาร เนื่องจากร่างกายของเรานั้น จำเป็นที่จะต้องได้รับสารอาหารที่ประโยชน์ต่อร่างกาย เพื่อที่จะได้ไปหล่อเลี้ยงและบำรุงร่างกาย เพื่อสร้างพลังงานในการใช้ชีวิตประจำวัน แต่ในทางกลับกัน บางคนมีสุขภาพร่างกายที่ไม่แข็งแรงหรือมีโรคประจำตัว ไม่ว่าจะเกิดจากการใช้ชีวิตประจำวัน หรือพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ ซึ่งเป็นต้นเหตุของการเกิดโรคภัยไข้เจ็บได้เช่นเดียวกัน ดังนั้น การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก โดยเฉพาะคนที่ป่วยเป็นโรคประจำตัวหรือมีโรคร้ายอย่าง มะเร็ง ซึ่งจำเป็นอย่างมากที่ต้องได้รับการดูแลในเรื่องของอาหารการกินให้มากเป็นพิเศษ


เพราะถ้าหากป่วยเป็นมะเร็งแล้ว และต้องรักษาด้วยเคมีบำบัด การรับประทานอาหารถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมากที่สุด เพราะบางรายเมื่อต้องให้เคมีบำบัด อาจจะได้รับผลข้างเคียงเช่น ไม่สามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติ เพราะอาจจะมีภาวะเบื่ออาหาร หลังจากให้ยาเคมี ประกอบกับร่างกายที่ไม่แข็งแรง ถ้าหากไม่ได้รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หรือมีร่างกายที่อ่อนแอไปด้วย ก็จะยิ่งทำให้ร่างกาย ภูมิคุ้มกันยิ่งอ่อนแอลงไปอีก ดังนั้น วันนี้ทางเราจะมาพูดถึงเรื่องของอาหารการกินของผู้ป่วยมะเร็งที่ต้องให้ยาเคมีบำบัด เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้ป่วยหลายคนที่กำลังให้ยาเคมีบำบัดได้รับประทานอาหารได้อย่างถูกต้อง เพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นฟูได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

สำหรับเคล็ดลับการรับประทานอาหารสำหรับผู้ป่วยมะเร็งทั้งก่อนหรือระหว่างและหลังการรักษา อาหารเป็นหนึ่งองค์ประกอบสำคัญในขั้นตอนการรักษา เพราะการรับประทานอาหารที่ถูกต้อง ช่วงก่อน ระหว่าง และหลังการรักษา จะช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกดี และแข็งแรงมากขึ้น โดยเฉพาะช่วงก่อนการรักษาเมื่อโรคมะเร็งถูกวินิจฉัย การรักษาโรคอาจประกอบด้วย การผ่าตัด การฉายแสง (รังสีรักษา) เคมีบำบัด การใช้ฮอร์โมนรักษา และการใช้หลายวิธีร่วมรักษาการรักษาโรคมะเร็งจะมีเป้าหมายเพื่อฆ่าเซลล์มะเร็ง แต่อย่างไรก็ตามเซลล์ที่ปกติอาจถูกทำลายบางส่วนทำให้เกิดอาการ เบื่ออาหาร น้ำหนักเพิ่มหรือลด เจ็บปากและคอ มีอาการปากแห้ง หรือการรับรสชาด และรับกลิ่นเปลี่ยนไป มีอาการคลื่นไส้อาเจียน ท้องเสีย อ่อนเพลีย หรือซึมเศร้า จะสังเกตได้ว่า อาการข้างเคียงหลังจากให้ยาเคมีบำบัด ส่วนใหญ่จะส่งผลกระทบต่อการรับประทานอาหาร


ดังนั้น การที่ผู้ป่วยไม่ได้รับอาหารที่เพียงพอ อาจจะทำให้ร่างกายอ่อนแอมากว่าเดิม จึงจำเป็นที่ต้องได้รับอาหารที่มีประโยชน์ แต่อย่างไรก็ตามการรับประทานอาหารครบ 5 หมู่ ก็จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงได้เร็วขึ้น อาหารที่มีรสชาติอ่อนๆ ย่อยง่าย และอุดมไปด้วยสารอาหารจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในช่วงทำเคมีบำบัด ได้แก่ อะโวคาโด เป็นผลไม้ที่มีไขมันดี ที่ช่วยลดคอเลสเตอรอล LDL และช่วยเพิ่มคอเลสเตอรอล HDL อีกด้วย ที่สำคัญอะโวคาโดยังให้พลังงานแคลอรี่ที่สูง และช่วยให้รู้สึกอิ่มได้ง่าย จึงเหมาะกับผู้ที่เบื่ออาหาร ต่อมาคือ ไข่ ซึ่งหารับประทานได้ง่าย อุดมไปด้วยโปรตีนและไขมัน จะช่วยเป็นพลังงานให้กับร่างกาย ส่วนโปรตีนจะช่วยเพิ่มกล้ามเนื้อ ซึ่งทั้งสองอย่างเป็นสารอาหารที่มีความจำเป็นอย่างมากในช่วงทำเคมีบำบัด นอกจากนี้ ไข่ ยังสามารถนำมาปรุงเป็นอาหารอ่อน ๆ เคี้ยวและรับประทานได้ง่าย จึงเหมาะกับผู้ป่วยที่มีอาการอ่อนเพลีย


นอกจากนี้ ในช่วงที่ทำเคมีบำบัดการรับรู้รสชาติจะมีการเปลี่ยนแปลงไป แม้กระทั่งรสชาติของน้ำเปล่า จึงทำให้ผู้ป่วยดื่มน้ำได้น้อย อาหารประเภทน้ำซุป จึงเป็นทางเลือกที่ดี ที่จะช่วยให้ผู้ป่วยได้ดื่มน้ำที่มากขึ้น ไม่ทำให้ร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำ เนื่องจากการที่น้ำซุปเกิดจากการตุ๋นผักและเนื้อต่าง ๆ เข้าด้วยกัน จึงทำให้น้ำซุปมีรสชาติ แถมยังอุดมไปด้วยสารอาหารมากมายที่ร่างกายต้องการ


นอกจากนี้แล้วด้วยความที่น้ำซุปจัดเป็นอาหารเหลว ผู้ป่วยจึงสามารถรับประทานได้ง่ายขึ้น สำหรับอาหารประเภทเนื้อสัตว์ อย่างปลา ซึ่งเป็นเนื้อสัตว์ที่รับประทานได้ง่าย แถมยังมีโปรตีน และกรดไขมัน โอเมก้า 3 มาก ซึ่งมันจะช่วยบำรุงสมองและต้านอาการอักเสบ รวมไปถึงการรับประทานปลาที่มีไขมันมากยังช่วยให้น้ำหนักไม่ลดลงไปมาก เพราะได้รับไขมันดีจากปลา ชนิดปลาที่ให้ปริมาณไขมันโอเมก้า 3 มาก เช่น แซลมอน ทูน่า ซาร์ดีน เป็นต้น ทั้งหมดนี้คือ อาหารที่ผู้ป่วยมะเร็งที่ต้องได้รับยาเคมีบำบัดควรที่จะรับประทานให้ร่างกายได้ฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็ว


อย่างไรก็ตาม การรับประทานที่มประโยชน์ ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีต่อผู้ป่วย ดังนั้น ทางเราอยากให้ทุกคนมีสุขภาพที่ดี โดยการหันมาดูแลตัวเอง โดยเริ่มจากการรับประทานอาหาร ซึ่งทางเราได้เน้นย้ำมาตลอดให้ทุกคนใส่ใจในเรื่องอาหารการกิน และที่สำคัญควรจะหมั่นออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง สร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง เราก็จะมีสุขภาพที่ดีได้ไม่ยาก