บริการทำความสะอาด: วิธีใช้น้ำส้มสายชูและเบกกิ้งโซดาทำความสะอาด พร้อมข้อควรระวังระอาใจทุกครั้งเมื่อนึกได้ว่าต้องกลับบ้านมาทำความสะอาดอยู่หรือไม่ ? ยิ่งช่วงไหนไม่ค่อยมีเวลายิ่งเพิ่มโอกาสให้เกิดคราบสกปรกฝังลึก และเมื่อถึงเวลาต้องมาเช็กบิลย้อนหลังก็ทำเอาต้องเสียเหงื่อกับการขัดพื้น จนปวดหลังแทบแย่ แต่รู้ไหมว่าปัญหาเหล่านี้จะหมดไปหากคุณรู้จักตัวช่วยทำความสะอาด อย่าง “น้ำส้มสายชู” และ “เบกกิ้งโซดา” สององค์ประกอบที่จะมาช่วยระเบิดคราบสกปรกฝังลึกบนพื้นบ้าน หากพร้อมแล้วไปดูเทคนิคการทำความสะอาดกันได้เลย !
5 วิธีใช้ประโยชน์น้ำส้มสายชูและเบกกิ้งโซดา เพื่อทำความสะอาดบ้าน
1. น้ำส้มสายชูดับกลิ่นคาว
หากในบริเวณห้องครัวหรือโต๊ะอาหารมีกลิ่นคาว การผสมน้ำส้มสายชูกับน้ำเปล่าในอัตราส่วน 1:3 แล้วใช้ถูพื้นและทำความสะอาดพื้นผิวต่าง ๆ จะช่วยลดกลิ่นคาวได้ เพราะน้ำส้มสายชูจะมีส่วนช่วยทั้งในเรื่องของการขจัดคราบเชื้อโรค คราบมัน และกลิ่นต่าง ๆ ได้ ทำให้บรรยากาศในบ้านกลับมาสดชื่นและปลอดกลิ่นอับอีกครั้ง
2. ผงเบกกิ้งโซดาขจัดคราบฝังลึก
การผสมเบกกิ้งโซดากับน้ำเปล่าให้เข้ากันจนกลายเป็นเนื้อเดียว สามารถขจัดคราบสกปรกที่ตกค้างและฝังลึกได้อย่างง่ายดาย เพียงนำส่วนผสมไปป้ายลงบนบริเวณที่ต้องการ พร้อมกับขัดออกด้วยแปรงสีฟันเท่านี้คราบก็จะจางลงแน่นอน
3. บอกลาคราบมันบนพื้นห้องครัว
คราบมันบนพื้นห้องครัว เป็นปัญหาที่พบได้แทบทุกบ้าน แต่การถูพื้นด้วยส่วนผสมระหว่างน้ำส้มสายชู และน้ำเปล่าในอัตราส่วน 2:1 พร้อมน้ำยาล้างจาน 1-2 ช้อนชา จะช่วยกำจัดคราบไขมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะมีทั้งน้ำส้มสายชู และน้ำยาล้างจานที่มีคุณสมบัติทำละลาย และกำจัดคราบมัน
4. ดับกลิ่นสาบสัตว์เลี้ยง พร้อมทำความสะอาดหมดจด
สำหรับคนมีสัตว์เลี้ยงแล้ว ปัญหากลิ่นสาบเป็นเรื่องที่น่ารำคาญไม่น้อย ซึ่งคุณสามารถแก้ปัญหานี้ได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่โรยผงเบกกิ้งโซดาทิ้งไว้ในบริเวณที่มีกลิ่นสาบของสัตว์เลี้ยงประมาณ 15 นาที หลังจากนั้นให้ทำความสะอาดโดยการกวาดและถูพื้นตามปกติ กลิ่นสาบก็จะจางลงอย่างเห็นได้ชัด โดยต้องไม่ลืมทำความสะอาดผงเบกกิ้งโซดาให้หมดเพื่อความปลอดภัยของสัตว์เลี้ยงด้วย
5. บอกลาคราบดำตามแนวกระเบื้อง
คราบดำตามร่องยาแนวของกระเบื้อง นับเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้บ่อยในห้องน้ำและห้องครัว และทำความสะอาดได้ยากมาก แต่หากผสมเบกกิ้งโซดา ½ ถ้วยตวง และแอมโมเนีย หรือน้ำมะนาวประมาณ ¼ ถ้วยตวง แล้วเทใส่ลงในน้ำเปล่า 7 ถ้วยตวง ก่อนฉีดพ่นไปตามร่องยาแนว ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาทีแล้วขัดด้วยแปรง จะช่วยขจัดคราบดำสะสมได้อย่างอยู่หมัด
ข้อควรระวังในการใช้น้ำส้มสายชู และเบกกิ้งโซดา
ควรหลีกเลี่ยงการผสมเบกกิ้งโซดากับน้ำส้มสายชู หรือน้ำยาทำความสะอาดที่มีส่วนประกอบของกรดเข้มข้นอย่างเด็ดขาด เพราะอาจทำให้เกิดก๊าซพิษได้
ข้อควรระวังในการใช้น้ำส้มสายชู
ระวังอย่าสูดดมไอของน้ำส้มสายชูโดยตรง เนื่องจากอาจทำให้ระคายเคืองทางเดินหายใจได้
หลีกเลี่ยงการสัมผัสน้ำส้มสายชูกับผิวหนังและตาโดยตรง เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้
ไม่ควรผสมน้ำส้มสายชูกับสารฟอกขาว หรือผงซักฟอก เนื่องจากอาจทำให้เกิดก๊าซพิษได้
ระวังอย่าใช้น้ำส้มสายชูทำความสะอาดพื้นผิวที่เป็นหินอ่อน เนื่องจากอาจทำให้พื้นผิวเป็นรอยได้
ข้อควรระวังในการใช้เบกกิ้งโซดา
ระมัดระวังอย่าให้เบกกิ้งโซดาสัมผัสกับดวงตาหรือผิวหนัง เพราะอาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองได้
ไม่ควรใช้เบกกิ้งโซดาทำความสะอาดพื้นผิวอะลูมิเนียม เนื่องจากอาจทำให้พื้นผิวเป็นรอยด่างได้
ไม่ควรใช้เบกกิ้งโซดาทำความสะอาดบริเวณที่มีสนิม เนื่องจากอาจทำให้เกิดการกัดกร่อนได้
ข้อควรปฏิบัติเมื่อใช้น้ำส้มสายชูและเบกกิ้งโซดาทำความสะอาด
ควรเปิดหน้าต่าง หรือใช้พัดลมดูดอากาศ เพื่อระบายอากาศขณะใช้น้ำส้มสายชูและเบกกิ้งโซดาโดยเฉพาะในพื้นที่ปิด
ควรทดสอบบนจุดเล็ก ๆ ของพื้นผิวที่ต้องการทำความสะอาดก่อน เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถใช้น้ำส้มสายชูและเบกกิ้งโซดาทำความสะอาดพื้นผิวนั้นได้อย่างปลอดภัย
สวมอุปกรณ์ป้องกันอย่างหน้ากาก แว่นตา และถุงมือทุกครั้งที่ทำความสะอาดด้วยน้ำส้มสายชูและเบกกิ้งโซดา